เลือกผ้าปูที่นอนอย่างไร…ให้คุ้มค่า

เราใช้เวลา 8 ชั่วโมงหรือ 1 ใน 3 ของวันในการนอนหลับ การพิจารณการเลือกผ้าปูที่นอนที่มีส่วนสัมผัสกับผิวหนัง รวมถึงใบหน้า ผ้าปูที่นอนจากเนื้อผ้าคนละชนิด จะให้ผิวสัมผัสต่างกัน จึงเป็นสิ่งที่ควรเลือกซื้ออย่างพิถีพิถัน โดยมีปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อผ้าปูที่นอนดังนี้

 

1. ชนิดของเนื้อผ้า

ผ้าที่ใช้นำมาทำผ้าปูที่นอน แบ่งด้วยกันเป็น 2 ชนิดหลักๆคือ ผ้าปูที่นอนที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ 100% และ ผ้าปูที่นอนที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์

1. ผ้าปูที่นอนทำจากเส้นใยธรรมชาติ 100%
ผ้าที่นำมาทำผ้าปูที่นอนจะมีทั้งเส้นใยจากผ้าฝ้าย ใยจากไผ่ หรือผ้าไหม ซึ่งเส้นใยธรรมชาติ จะระบายอากาศได้ดี ดูดซับความชื้นได้ดี ทำให้รู้สึกสบายเวลานอนหลับ
 
โดย ผ้าไหม จะมีราคาสูงที่สุด และไม่สามารถใช้กับเครื่องซักผ้า หรือ เครื่องอบผ้าได้    ทำให้ผ้าที่นิยมนำมาใช้ทำผ้าปูที่นอนส่วนใหญ่คือ ผ้าฝ้าย หรือ ผ้าคอตตอน (Cotton)  นอกจากนี้ผ้าฝ้ายยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ยิ่งซัก ยิ่งนุ่ม ด้วย
 
2. ผ้าปูที่นอนที่มีส่วนผสมจากเส้นใยสังเคราะห์
ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยมีเทคโนโลยีที่พัฒนาทำให้ผ้าชนิดนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับเส้นใยธรรมชาติจนแทบแยกไม่ออกเลย
.
คล้ายๆกับสินค้าไม้เทียมในปัจจุบัน(ไม้เชอร่า ไม้คอนวูด ไม้วีว่าบอร์ด) ที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับไม้จริงเลยทีเดียว
.
โดยผ้าที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ ผ้าไมโครเทค Microtech
ซึ่งเป็นผ้าที่ถูกผลิตออกมาให้ผิวสัมผัสเหมือนผ้าฝ้าย คือ เนื้อผ้าจะนุ่ม ระบายความร้อนได้ดี
.
จึงทำให้รู้สึกสบายผิว อีกทั้งยังซักง่าย แห้งเร็ว และยังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าผ้าฝ้าย นั่นคือสามารถป้องกันไรฝุ่ย โดยที่ไม่ต้องเคลือบสารกันไรฝุ่น เพราะเส้นใยของผ้าเป็นเส้นใยสังเคราะห์ ไรฝุ่นจึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้ดีเหมือนผ้าฝ้าย
 
ผ้าซาติน เป็น ผ้ามีผิวสัมผัสที่นุ่ม ลื่น ให้ความหรูหรา ดูมันวาวเมื่อกระทบกับแสงไฟ

แต่มีข้อเสียคือ เนื้อผ้าไม่ทนนัก ลุ่ยง่าย และไม่ระบายความร้อน คุณสมบัติของผ้าซาตินจคล้าย ๆ ผ้าแพรของไทย นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการนำผ้าซาตินมาทอเป็นผ้าปูที่นอนด้วย โดยเนื้อผ้าจะผลิตมาจากเส้นใยโพลีแอสเทอร์ 100%  มีความหรูหรา โรแมนติก เซ็กซี่

 

ผ้า TC เป็นผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 35% และ Cotton 65% เป็นผ้าที่ยับยาก เนื้อผ้าแข็งกระด่าง จุดเด่นของผ้าเนื้อผสมคือเรื่องการควบคุมการยืด(หด)ย้วยจะทำได้ดีกว่า cotton 100 % แต่ข้อเสียที่ติดมาจากใยสังเคราะห์คือจะระบาย อากาศได้ไม่ดีเท่า cotton 100 % (ถึงแม้จะทอให้เส้นใยมีรูเล็ก ๆ เพื่อช่วยในการระบายอากาศแล้วก็ตาม) แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับปานกลาง

ผ้า CVC ที่มีส่วนผสมระหว่างผ้า Cotton 50% และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 50% หลายคนรู้จักกันในชื่อ ผ้าสักหลาด คุณสมบัติของเนื้อผ้าค่อนข้างเป็นกลาง เนื่องด้วยมีส่วนผสมในอัตราส่วนที่เท่ากัน ทำให้มีความนุ่มและทนทานมากกว่าผ้าซาติน ไม่ยับง่าย

ผ้าฝ้ายผสมซาติน
ผ้าชนิดนี้จะนิยมใช้กันมากในธุรกิจโรงแรม เพระมีจุดเด่นเรื่องความทนทาน และยิ่งซักยิ่งนุ่มด้วย โดยวิธีการทอคือจะใช้การทอผ้าฝ้าย 100% สลับกับริ้วของผ้าซาตินหนา 1 นิ้ว
 
 

2. ความหนาของเนื้อผ้าหรือจำนวนเส้นด้าย

สำหรับผ้าปูที่นอน ยิ่งมีจำนวนเส้นใยต่อตารางนิ้วมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผ้าปูที่นอนนั้นละเอียดและเนื้อนุ่มมากขึ้นเท่านั้นและแน่นอนว่าราคาก็จะสูงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามการนับจำนวนเส้นด้าย ที่อ้างอิงจากโรงทอก็มีหลายรูปแบบ เพราะการผลิตเส้นด้ายมีการปั่นพันเกลียวที่แตกต่างกันออกไป

การปั่นเส้นด้ายในรูปแบบต่างๆ

1 ply = ด้ายที่ปั่นออกมาจากเส้นใยโดยตรง

2 ply = เส้นด้ายที่ได้จากการนำด้าย 2 เส้นมาพันเกลียวรวมเป็น 1 เส้น

3 ply = เส้นด้ายที่ได้จากการนำด้าย 3 เส้นมาพันเกลียวรวมเป็น 1 เส้น

4 ply = เส้นด้ายที่ได้จากการนำด้าย 4 เส้นมาพันเกลียวรวมเป็น 1 เส้น

สิ่งที่เป็นคำถามยอดฮิต ของหลายๆท่าน เมื่อต้องการเลือกซื้อที่นอน

มีจำนวนเส้นด้ายเท่าไหร่ ? “

เนื่องจากจำนวน เส้นด้ายเยอะ ทำให้ผิวสัมผัสนุ่ม ลื่น สบายตัว อย่างไรก็ตาม การนับจำนวนเส้นด้วยหลายคน มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะโดยหลักสากลจะวัดจำนวนเส้นด้ายต่อพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว แต่หลายครั้งโรงทอผ้า หรือร้านเครื่องนอน วัดจำนวนเส้นด้ายต่อพื้นที่ 10 ตารางเซนติเมตร ซึ่งจะทำให้จำนวนเส้นด้ายมีมากกว่า เมื่อเทียบกับพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว

เช่น จำนวนเส้นด้าย 250 เส้นด้าย/ตารางนิ้ว = จำนวนเส้นด้าย 312 เส้นด้าย/10 ตารางเซนติเมตร

ซึ่งในความเป็นจริง จำนวนเส้นด้ายตั้งแต่ 250-560เส้น/ต.ร.นิ้ว หรือ 300-700เส้น/ตร.ซม. ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว เนื่องจากเครื่องทอผ้า ไม่สามารถทอผ้าได้ละเอียดไปมากกว่านี้

แล้วผ้าปูที่นอน ที่มีเส้นด้าย 800, 900 หรือ 1,000 เส้น หาผ้าที่มีความละเอียดแบบนั้นได้อย่างไร ?

มีความเป็นไปได้ว่า ใช้วิธีการนับจำนวนเส้นด้ายในเกลียว(ply)ด้วย เพราะถ้านับ ply ด้วยจะเป็น: ด้าย 3-ply 750 เส้น = 250 เส้น(ตามจำนวนนับจริง) หรือ ด้าย 4-ply 1000 เส้น = 250 เส้น (ตามจำนวนนับจริง) เช่นในรูป

ขอบคุณสำหรับข้อมูลจาก: https://pantip.com/topic/38801125

3. การตัดเย็บ

นอกจากการดูแนวตะเข็บในการตัดเย็บ ว่ามีความเรียบร้อย ด้ายไม่หลุดลุ่ย โดยเฉพาะหลังจากผ่านการซัก
สิ่งที่ควรพิจารณาคือขนาดหน้าผ้า ในการตัดเย็บ เนื่องจากการใช้ ขนาดความกว้างหน้าผ้า สั้น
จะทำให้มี ราคาที่ถูกกว่า แต่ต้องแลกมาด้วยการนำผ้ามา เย็บตะเข็บต่อๆกัน ทำให้ที่นอนมีรอยต่อ ดังนั้นการที่จะลดรอยต่อและตะเข็บผ้า โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนด้านบน จำเป็นต้องใช้ผ้าหน้ากว้างมาก ในการตัดเย็บ ซึ่งจะทำให้ผ้าปูมไม่มีรอยตะเข็บ เพื่อให้ผิวสัมผัสราบเรียบ ไปกับที่นอน

4. ขนาดที่นอน

ปัจจุบันการเลือกขนาดที่นอนมีความหลากหลายมากกว่าเดิม
.
จากที่นอนขนาดมาตรฐาน 3.5ฟุต 5 ฟุต 6 ฟุต ความสูง(ความหนา) อยู่ที่ 8-10 ฟุต
ปัจจุบันมีการนำที่นอนมาวางต่อกัน บนเตียงที่ต่อกัน หรือ เป็นเตียงขนาดครอบครัว ที่มีความกว้าง 7 ฟุต 9.5ฟุต

ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อผ้าปูแยกชิ้น หรือสั่งตัดเพื่อให้ได้ผ้าปูผืนเดียวคลุมที่นอน 2 ชิ้นก็ได้

วิธีเลือกผ้าปูที่นอนให้ได้ตรงกับขนาดที่นอน >> Click

ดังนั้น ความคุ้มค่า ที่ได้จากสินค้าผ้าปูที่นอน ของแต่ละคนอาจมีไม่เท่ากัน เราจึงควรพิจารณาปัจจัยข้างต้น ก่อนตัดสินใจซื้อผ้าปูที่นอนมาใช้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การท่องเว็บของท่านบนเว็บไซต์ของเราเพื่อแสดงเนื้อหาส่วนบุคคลและโฆษณาที่ตรงเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ของเราและทำความเข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมมาจากที่ใด ท่านสามารถจัดการค่ากำหนดของคุณได้โดยคลิกการตั้งค่า และศึกษาเกี่ยวกับ นโยบายข้อมูลส่วนบุลคลของเราและการใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า